ขนาดอิฐบล็อก แบ่งออกเป็นกี่ชนิด

อิฐบล็อกเกิดจากการผสมกันระหว่างปูนซีเมนต์กับทราย ส่วนใหญ่จะเป็นสีเทา ถูกออกแบบให้มีรูกลวงตรงกลาง ซึ่งขนาดอิฐบล็อก แบ่งออกได้ดังนี้

1. อิฐบล็อกหนา 7 ซม. ธรรมดา เป็นชนิดที่คุณลูกค้าสามารถเห็นได้ทั่วไปตามร้านค้าวัสดุก่อสร้าง แต่ความจริงแล้วอิฐชนิดนี้มีขนาดความหนาแค่ 6.5 ซม. และไม่ได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม สังเกตุได้จากผนังเปลือกบล็อกจะบางมาก แต่มีน้ำหนักเบา และสามารถลดต้นทุนดี สามารถใช้กับงานผนังทั่วไป ที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมากนัก เช่น ผนังรั้วบ้าน, ผนังกั้นห้องภายใน
2. อิฐบล็อกหนา 7 ซม. มอก. หรือที่นิยมเรียกกันว่า คอนกรีตบล็อก ถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ มอก.57 และ มอก.58

2.1 มอก.57 เป็นผนังคอนกรีตรับน้ำหนัก ใช้สำหรับผนังภายนอก มีความแข็งแก่รงมาก สามารถรับน้ำหนักได้มากกว่า 50 -100 ตัน ต่อ 1 ก้อนขึ้นอยู่กับความหนาของอิฐบล็อกที่เลือกใช้  ส่วนใหญ่นิยมใช้ในงานราชการขนาดใหญ่ เช่น ผนังอาคารรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT , ผนังอาคารผู้โดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ

2.2 มอก.58 เป็นผนังคอนกรีตที่ไม่รับน้ำหนัก ใช้สำหรับผนังภายในอาคาร/บ้าน ที่ต้องการผนังคอนกรีต คุณภาพสูง ดูดซึมน้ำต่ำ ทึบเสียงได้ดี ทนไฟได้ 4 ชม. เช่น ผนังบ้าน , ผนังอาคาร , ผนังคอนโดมิเนียม ,ผนังโรงงาน ในแต่ละมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก.ยังแบ่งออกเป็น มอก.ที่ควบคุมความชื้นและไม่ควบคุมความชื้นอีก

• ซึ่งถ้าควบคุมความชื้นเหมาะกับผนังภายนอก ที่ต้องโดนฝน แดด สภาพอากาศต่างๆ ส่วนไม่ควบคุมความชื้นเหมาะกับผนังภายในอาคาร ที่ไม่โดนสภาพอากาศภายนอก

3. อิฐบล็อกหนา 9 ซม. ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับผนังโรงงาน ,โกดังขนาดเล็ก , หรือ รั้วกำแพงที่ต้องการความแข็งแรงสูง
4. อิฐบล็อกหนา 14 ซม. ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับผนังโรงงาน/อาคารทีต้องการความแข็งแรงสูง ป้องกันผนังจากการกระทบ กับเครื่องจักร เช่น ผนังโรงสีข้าว , ผนังอาคารเก็บสินค้าขนาดใหญ่
5. อิฐบล็อกหนา 19 ซม. เป็นอิฐบล็อกขนาดมาตรฐานที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เหมาะสำหรับผนังที่ต้องการความแข็งแรงสูงสุด ใช้ในผนังบ้าน หรือ ผนังอาคารที่ก่อสร้างโดยไม่ใช่เสา

จะก่ออย่างไรให้ได้แบบอิฐบล็อกตามที่ต้องการ

หลายๆคนคงเคยประสบปัญหาก่ออิฐบล็อกไม่ได้ดั่งใจ ก่อไม่เป็นตามแบบที่ตั้งไว้ วันนี้ Maxhome มีเทคนิคดีๆมาแนะนำคุณลูกค้า เพื่อให้คุณลูกค้าได้แบบอิฐบล็อกตามที่ต้องการ

1. ก่อนจะนำอิฐบล็อกทุกชนิดมาใช้ ต้องทำความสะอาดโดยการปัดฝุ่นหรือเศษดินออกให้หมด แต่ห้ามนำไปแช่น้ำโดยเด็ดขาด เนื่องจากการแช่น้ำจะทำให้อิฐบล็อกซึมซับน้ำเข้าไปทำให้มีน้ำหนักมาก และเมื่อนำไปก่อผนัง อิฐบล็อกก็จะคายน้ำที่ซึมซับไว้ออกมา เป็นสาเหตุให้ปูนทรายที่ใช้ก่อผนังนั้นเหลว และยึดเกาะไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้ผนังล้มลงมาได้
2. การก่ออิฐบล็อกจะต้องเริ่มจากมุมก่อนเสมอ เพราะการเริ่มก่อจากมุมขอบผนังหรือขอบเสาจะช่วยให้ผนังมีการยึดเกาะเริ่มต้นที่มั่นคง และสามารถขึงเส้นเอ็นจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่ง เพื่อให้แนวของผนังได้แนวตรง
3. การก่ออิฐบล็อก นอกจากต้องขึงเอ็นแนวในราบแล้ว ยังต้องขึงเอ็นในแนวดิ่งด้วย เพื่อป้องกันการก่ออิฐที่ไม่ได้แนวตรง คดไปคดมา หรือผนังไม่ได้ดิ่ง ซึ่งจะเป็นปัญหาให้ต้องมาฉาบปูนเพิ่ม เพื่อช่วยแก้ให้ผนังนั้นแลดูตรงและได้ดิ่งในภายหลัง ซึ่งมีข้อเสียก็คือทำให้ผนังมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็นภาระต่อโครงสร้างอาคาร
4. แนวปูนก่อหรือความหนาของปูนก่อ ควรมีความหนาอยู่ระหว่าง 1-2 ซม. เพื่อช่วยให้การยึดเหนี่ยวระหว่างก้อนอิฐทำได้ดี ปูนทรายควรมีความข้นเหลวที่พอดี ถ้าแนวปูนก่อหนาน้อยกว่า 1 ซม. จะทำให้การยึดเกาะด้อยลง และการถ่ายน้ำหนักของผนังอิฐทำได้ไม่ดี แต่ถ้าหนาเกิน 2 ซม. ก็จะทำให้สิ้นเปลืองปูนทราย และคอนกรีตบล็อกอาจจะล้มได้ และที่สำคัญคือ Maxhome ขอแนะนำว่าไม่ควรหยอดปูนทรายลงไปในรูกลวงของอิฐบล็อก เพราะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับผนังโดยไม่จำเป็น
5. ผนังอิฐบล็อก ที่เริ่มจากขอบเสานั้นจะต้องมีการเสียบเหล็กหนวดกุ้งไว้เพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะเกี่ยวผนัง เนื่องจากผนังที่ไม่มีเหล็กหนวดกุ้งยึดเหนี่ยวอาจมีการแตกร้าวได้ง่าย เมื่อได้รับแรงสั่นสะเทือน
6. ผนังอิฐบล็อกที่มีการเว้นช่องเปิดไว้ เช่นช่องประตูหน้าต่าง จะต้องมีการเสริมเสาเอ็นและคานเอ็น Lintels รัดรอบ เพื่อทำหน้าที่แบกรับน้ำหนักผนังอิฐ และป้องกันการยืดหดจากวงกบไม้ ซึ่งปัญหาที่เกิดจากการไม่มีเสาเอ็นและคานเอ็นนั้น พบเห็นได้บ่อยๆที่มุมของวงกบหรือประตู หรือหน้าต่าง ว่าจะมีรอยแตกร้าวเกิดขึ้น
7. ผนังอิฐบล็อกที่มีความกว้างเกินประมาณ 3-4 ม. หรือสูงเกิน 3 ม. ควรจะมีการเสริมเสาเอ็นและคานเอ็น เพื่อทำหน้าที่ให้ผนังใช้เป็นที่เกาะยึด หรือช่วยกระจายน้ำหนักผนังให้เสมอ จะทำให้ผนังมีความแข็งแรงขึ้น
8. การก่อผนังอิฐบล็อกหรือฉาบปูน ควรจะต้องวางแผนการก่อหรือฉาบด้วย Maxhome แนะนำว่า ไม่ควรก่อผนังอิฐบล็อกในด้านที่มีแสงแดดส่อง แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรหาที่บังแดดมาบังการก่อหรือฉาบ เพราะในขณะที่แสงแดดส่อง จะทำให้ผนังนั้นแห้งเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดการแตกร้าวได้ในภายหลัง
9. การก่อผนังอิฐบล็อกจนเกือบถึงคานชั้นบน ควรหยุดเว้นช่องว่างไว้ประมาณ 10 - 20 ซม. ประมาณ 3 – 5 วัน เพื่อรอให้คานคอนกรีตนั้นแอ่นตัวจนอยู่ตัวแล้ว หรือรอให้ผนังที่เพิ่งก่อเสร็จใหม่ๆนั้นยุบให้คงที่เสียก่อน จึงค่อยใช้อิฐมอญก่อเติมให้เต็มใต้ท้องคานนั้น ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดปัญหาการแตกร้าวของผนังนั่นเอง

อิฐบล็อกตัวหนอนดีอย่างไร

อิฐบล็อกตัวหนอน เป็นวัสดุที่ถูกออกแบบมาสำหรับใช้ปูพื้น ที่เป็นทางเดินหรือลานกว้างให้มีสภาพเป็นพื้นแข็ง โดยที่ไม่ต้องเทคอนกรีตลงไป ซึ่งการปูอิฐบล็อกตัวหนอน เป็นวิธีที่ทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือสามารถย้ายไปปูที่อื่นได้หากเราต้องการ ซึ่งแตกต่างจากพื้นที่เป็นคอนกรีตที่หากเราไม่ต้องการแล้ว จะต้องทุบออกอย่างเดียว

อิฐบล็อกตัวหนอน เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีรูปร่าง ลวดลาย หรือสีสันต่างๆ ให้เลือกหลายแบบ ปรับแต่งลวดลายได้ตามใจชอบ ก่อสร้างเสร็จรวดเร็ว สามารถเป็นพื้นโชว์ความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมได้ และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ มันสะดวกในการซ่อมแซมแก้ไข ในกรณีที่มีบางส่วนเกิดแตกหักหรือเสียหาย ความเสียหายนั้นก็จะจำกัดอยู่เฉพาะบริเวณก้อนที่แตกเท่านั้น และเราสามารถซ่อมแซมได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ซื้อตัวหนอนใหม่มาใส่ลงไปแทนก็ใช้ได้ดีเหมือนเดิมแล้ว ซึ่ง Maxhome เองก็มีการจัดจำหน่ายให้คุณลูกค้าด้วยเช่นกัน ด้วยความสะดวกเช่นนี้จึงทำให้อิฐบล็อกตัวหนอนเป็นอีกวิธีที่นิยมกัน

ไขข้อสงสัยวิธีปู “อิฐบล็อกปูพื้น”

อิฐบล็อกปูพื้น เหมาะสำหรับการปูถนน หรือปูลานกว้าง เป็นบล็อกที่สามารถรับแรงอัดได้เยอะ สามารถให้รถเหยียบได้ ส่วนขั้นตอนในการปูอิฐบล็อกปูพื้นนั้นก็แสนจะง่ายดาย แต่จะง่ายดายขนาดไหนไปเริ่มกันเลย

1. คุณลูกค้าต้องร่างแบบและวัดแนวที่จะปูอิฐบล็อกปูพื้น ซึ่งการทราบขนาดทำให้เราสามารถเลือกแบบอิฐได้ง่ายขึ้นเวลาไปเลือกซื้อ และยังสามารถหาขนาดที่พอดีกับพื้นที่ได้ง่าย
2. เลือกรูปแบบอิฐบล็อกปูพื้น ที่คุณลูกค้าพอใจ ในกรณีเป็นทางเดินเข้าบ้านไม่ได้รับน้ำหนักมากสามารถใช้ตัวเล็กหน่อยก็ได้ ซึ่งจะทำให้เบาแรงเวลาทำงานได้
3. ปรับพื้นที่โดยการถางหญ้า ขุดหน้าดิน ทำให้พื้นดินเรียบ
4. ทำคันโดยรอบ อาจจะเป็นการหล่อปูนให้เป็นแนว หรือบางที่ก็ใช้เสาปูนหรือไม้หมอนมาฝังลงในดินสักครึ่งของความหนาเพื่อใช้เป็นขอบ
5. ใช้ทรายหยาบเทลงไปและปรับพื้นที่เพื่อให้เรียบเสมอกัน วิธีการง่ายๆก็คือ การเอา อิฐบล็อกปูพื้น มาวาง ตามตำแหน่งต่างๆ ถ่ายระดับด้วยเส้นเอ็น และ สายวัดระดับน้ำ เพื่อให้คุณลูกค้าได้พื้นที่เรียบเสมอกัน
6. กระทุ้งทรายให้แน่นและเรียบ แต่ในกรณีที่เป็นงานของบริษัทหรือผู้รับเหมามืออาชีพเขาจะใช้เครื่องตบดิน แต่คุณลูกค้าสามารถใช้เครื่องกระทุ้ง ที่ทำจากไม้เป็นแผ่นแบบบ้านๆ ไปก่อนก็ได้ เอาว่าเรียบและแน่นพอประมาณก็สามารถใช้ได้แล้ว
7. จากนั้นก็ลงมือปูอิฐบล็อกปูพื้น โดยการวางให้ชนกันตามแนวและตามลาย เรียงไปเรื่อยๆ จนเต็มพื้นที่
8. เมื่อปูอิฐบล็อกปูพื้นเต็มทั่วบริเวณทางที่เราต้องการแล้ว ให้คุณลูกค้าเททรายหยาบลงไปอีกรอบ แล้วใช้ไม้กวาดปัดให้มันลงไปในร่องช่องว่างระหว่างตัวหนอน เหยียบและใช้ที่กระทุ้งอัดซ้ำอีกทีเพื่อความแน่น แล้วกวาดทรายที่เหลือออกให้หมด
9. ในขั้นตอนสุดท้าย ให้คุณลูกค้าทาน้ำยาประสานทรายให้ทั่วบริเวณจะช่วยให้ทรายยึดแน่นไม่เลื่อนหลุดทำให้มันอยู่คงรูปนานขึ้น

ใครที่อยากจะลองปูอิฐบล็อกปูพื้นด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ง้อช่างก็สามารถลองทำตามวิธีนี้ได้ ซึ่งวิธีนี้ Maxhome คิดว่ามันง่ายและสะดวกมากเลยทีเดียว ส่วนคุณลูกค้าท่านใดสนใจอิฐบล็อกปูพื้น ทาง Maxhome เอง ก็มีไว้บริการให้กับคุณลูกค้าเช่นกันค่ะ

อิฐบล็อกช่องลมช่วยให้บ้านสวยเก๋มีสไตล์

ในสมัยก่อนหน้าที่หลักของ อิฐบล็อกช่องลม คือเปิดรับแสงธรรมชาติและทำให้ลมพัดเข้าสู่ตัวบ้าน แต่ในปัจจุบัน เมื่อบ้านสมัยใหม่เป็นบ้านแบบปิด บางหลังจึงไม่ค่อยเหมาะที่จะเปิดรับลมธรรมชาติ อย่างเช่นบ้านที่อยู่กลางเมืองซึ่งแวดล้อมด้วยควันรถยนต์ และมลภาวะ จึงจำเป็นต้องใช้ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเป็นกำลังหลัก อิฐบล็อกช่องลมจึงกลายมาเป็นวัสดุเสริมที่ไม่ได้ทำหน้าที่เปิดรับลมอีกต่อไป แต่ถูกเปลี่ยนเป็นวัสดุตกแต่งและเป็นตัวเปิดรับแสงธรรมชาติแทน

ส่วนชนิดของอิฐบล็อกช่องลม ตามท้องตลาดก็จะมีอิฐบล็อกช่องลมที่ทำจากดินเผา อิฐบล็อกช่องลมที่ทำจากปูน ซึ่งสองชนิดนี้จะมีราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่จะแตกต่างในเรื่องของลวดลาย โดยอิฐบล็อกช่องลมที่ทำจากดินเผาจะมีลวดลายให้เลือกน้อยกว่าอิฐบล็อกช่องลมที่ทำจากปูน

และอีกชนิดหนึ่งก็คืออิฐบล็อกช่องลมเซรามิก จะมีราคาที่สูงกว่าสองชนิดแรก แต่ก็มีความแข็งแรงทนทานกว่า และอีกหนึ่งจุดที่ Maxhome อยากแนะนำคือ สีของอิฐบล็อกช่องลมเซรามิก นั้นมีผลกับราคาด้วย เราอาจจะเห็นลวดลายเดียวกันแต่ถ้าสีต่างกัน ราคาก็อาจแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น สีขาว สีครีม ราคาจะถูกกว่าสีแดง สีชมพู หรือแม้แต่สีส้มเหมือนกันแต่คนละเฉดสี ราคาก็อาจต่างกัน ดังนั้นคุณลูกค้าควรสอบถามราคาจากผู้ผลิตให้ชัดเจน เพื่อให้ประหยัดและสะดวกแก่คุณลูกค้า